วิธีการอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่ติดบนภาชนะบรรจุสารเคมีและวัตถุอันตราย
ไขข้อสงสัย! ป้ายสัญลักษณ์ที่ติดบนภาชนะบรรจุสารเคมีและวัตถุอันตราย บ่งบอกถึงอะไร?
หลายๆคนคงเคยเห็น สัญลักษณ์ แล้วเวลาขับรถบนท้องถนน หรืออาจจะเห็นตามขวดสารเคมีต่างๆ ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้คือ "สัญลักษณ์ แสดงความเป็นอันตราย" นั่นเอง
แต่! เคยสงสัยไหม ว่าสัญลักษณ์พวกนี้บ่งบอกถึงอะไร บางอันเราก็พอจะเดาออก แต่บางก็ไม่ทราบ วันนี้ทางเซฟตี้อินไทยจะมาบอก วิธีการอ่าน ป้ายสัญลักษณ์ ที่ติดบนภาชนะบรรจุสารเคมีและวัตถุอันตราย ว่ามีอะไรบ้าง
สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย มีอยู่ 4 ระบบที่นิยมใช้กัน คือ ระบบ EEC,
ระบบ UN, ระบบ NFPA และ ระบบ GHS
ตามข้อกำหนดของประชาคมยุโรป ที่ 67/548/EEC สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายจะแบ่งออกตามประเภทของอันตราย โดยใช้รูปภาพสีดำเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายบนพื้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีส้ม
และมีอักษรย่อกำกับที่มุมขวา
ระบบ EEC
1. สารพิษ (T+/T: Toxic) การสูดดม กลืนกิน หรือดูดซึมผ่านผิวหนังแม้เพียงปริมาณเล็กน้อยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรืออาจถึงตายได้ ในกรณีที่ได้รับสารเข้าไปในปริมาณมากหรือสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานานจะปรากฏอาการรุนแรง และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างถาวร โดยเฉพาะผลการก่อมะเร็ง การทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ และก่อการกลายพันธุ์
2. สารอันตราย (Xn : Harmful) การสูดดม การกลืนกิน หรือซึมผ่านผิวหนังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะสารซึ่งน่าสงสัยว่าจะเป็นสารก่อมะเร็ง สารก่อการกลายพันธุ์ และสารที่มีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ การสูดดมอาจก่อให้เกิดอาการแพ้
3. สารระคายเคือง (Xi : Irritant) แม้จะไม่ได้มีคุณสมบัติกัดกร่อน หากผิวหนังหรือเยื่อเมือกสัมผัสสารนี้ ซ้ำๆ กันหรือเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดอาการบวม หากสัมผัสกับผิวหนังอาจก่อให้เกิดอาการแพ้
4. วัตถุไวไฟมาก (F: Highly Flammable) ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 0°Cและจุดเดือดไม่เกิน 35°C แก๊ส และแก๊สผสมซึ่งไวไฟในอากาศที่อุณหภูมิและความดันปกติ
5. วัตถุไวไฟสูงมาก (F+: Extremely Flammable) ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 0°C และจุดเดือดไม่เกิน 35°C แก๊ส และแก๊สผสมซึ่งไวไฟในอากาศที่อุณหภูมิและความดันปกติ
6. วัตถุระเบิดได้ (E: Explosive) สารเคมีที่เกิดปฏิกิริยาแล้วให้ความร้อนและแก๊สอย่างรวดเร็ว หรือ เมื่อได้รับความร้อนในสภาวะจำกัดจะเกิดการระเบิด หรือ เผาไหม้อย่างรุนแรง
7. สารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (N: Dangerous for the environment) การปล่อยสู่สภาพแวดล้อม จะทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมทันที
8. สารออกซิไดส์ (O: Oxidizing) สารเคมีซึ่งโดยปกติไม่ลุกไหม้เอง แต่เมื่อสัมผัสกับสารซึ่งลุกไหม้ได้สามารถให้ออกซิเจน แล้วเร่งการลุกไหม้ได้
9. สารกัดกร่อน (C : Corrosive) สารซึ่งโดยปฏิกิริยาเคมีจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตและกัดกร่อนอุปกรณ์ปฏิบัติการ
United Nations Committee of Experts on the Transport of Dangerous Goods
จำแนกสารที่เป็นอันตรายและเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือก่อให้เกิดความเสียหาย ออกเป็น 9 ประเภท (UN-Class) ตามลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสี่ยงในการเกิดอันตราย
ระบบ UN
1. ระเบิดได้ (Explosives) : ของแข็งหรือของเหลว หรือสารผสมที่สามารถเกิดปฏิกิริยาทางเคมีด้วยตัวมันเอง ทำให้เกิดแก๊สที่มีความดัน และความร้อนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการระเบิดสร้างความเสียหายแก่บริเวณโดยรอบได้ ซึ่งรวมถึงสารที่ใช้ทำดอกไม้เพลิงและสิ่งของที่ระเบิดได้ด้วย
2. แก๊ส (Gases) : สารที่อุณหภูมิ 50°C มีความดันไอมากกว่า 300 kP หรือมีสภาพเป็นแก๊สอย่าง สมบูรณ์ที่อุณหภูมิ 20°C และมีความดัน 101.3 kP ได้แก่ แก๊สอัด แก๊สพิษ แก๊สในสภาพของเหลว แก๊สในสภาพของเหลวอุณหภูมิต่ำ และรวมถึงแก๊สที่ละลายในสารละลายภายใต้ความดัน เมื่อเกิดการรั่ว ไหลสามารถก่อให้เกิดอันตรายจากการลุกติดไฟและ/หรือเป็นพิษและแทนที่ออกซิเจนในอากาศ
3. ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids): ของเหลวหรือของเหลวผสมที่มีจุดวาบไฟ (Flash Point) ไม่เกิน 60.5°C จากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยปิด หรือไม่เกิน 65.6°C จากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยเปิด ไอของเหลวไวไฟพร้อมลุกติดไฟเมื่อมีแหล่งประกายไฟ เช่น แอซีโตน น้ำมันเชื้อเพลิง ทินเนอร์ เป็นต้น
4. ของแข็งไวไฟ (Flammable solid) : สารที่ลุกไหม้ได้เองและสารที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้แก๊สไวไฟ
5. สารออกซิไดซ์และสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing and Organic peroxide)
6. สารพิษและสารติดเชื้อ (Toxic )
7. วัสดุกัมมันตรังสี (Radioactivity) : วัสดุที่สามารถแผ่รังสีที่มองไม่เห็นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 0.002 ไมโครคูรีต่อกรัม เช่น โมนาไซด์ ยูเรเนียม โคบอลต์-60 เป็นต้น
8. สารกัดกร่อน (Corrosion) : ของแข็งหรือของเหลวซึ่งโดย ปฏิกิริยาเคมีมีฤทธิ์กัดกร่อนทำความเสียหาย ต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตอย่างรุนแรงหรือ ทำลายสินค้า/ยานพาหนะที่ทำการขนส่ง เมื่อเกิดการรั่วไหลของสารไอระเหยของ สารประเภทนี้ บางชนิดก่อให้เกิดการ ระคายเคืองต่อจมูกและตา เช่น HCl, H2SO4, NaOH เป็นต้น
9. วัสดุอันตรายเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous Dangerous Substances and Articles) : สารหรือสิ่งของที่ในขณะขนส่งเป็นสารอันตรายซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึง 8 เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต เป็นต้น และให้รวมถึงสารที่ต้องควบคุมให้มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100°C ในสภาพของเหลวหรือมีอุณหภูมิ ไม่ต่ำกว่า 240°C ในสภาพของแข็งในระหว่างการขนส่ง
The National Fire Protection Association
ของสหรัฐอเมริกา กำหนดสัญลักษณ์แสดงอันตรายเป็นรูปเพชร (Diamond-shape) เพื่อใช้ในการป้องกันและตอบโต้เหตุเพลิงไหม้ สัญลักษณ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่วางตั้งตามแนวเส้นทแยงมุม ภายในแบ่งออกเป็นสี่เหลี่ยมย่อย ขนาดเท่ากัน 4 รูป ใช้พื้นที่กำกับ 4 สี
ระบบ NFPA
สีแดง แสดงอันตรายจากไฟ (Flammability)
สีน้ำเงิน แสดงอันตรายต่อสุขภาพ (Health)
สีเหลือง แสดงความไวต่อปฏิกิริยาของสาร (Reactivity)
สีขาว แสดงคุณสมบัติพิเศษของสาร และใช้ตัวเลข 0 ถึง 4 แสดงถึงระดับอันตราย
GHS (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals)
คือระบบสากลการจัดกลุ่มความเป็นอันตรายและการติดฉลากสารเคมีที่เป็นระบบเดียวกันทั่วโลก พัฒนาขึ้นโดยองคNการสหประชาชาติเพื่อให้ทั่วโลกมีการจัดกลุ่มความเป็นอันตรายของสารเคมีที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยคํานึงถึงความเป็นอันตรายทางด้านกายภาพ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม พร้อมกําหนดมาตรฐานการสื่อสารความเป็นอันตรายในรูปของฉลากและเอกสารข้อมูลความปลอดภัยในการทํางานกับสารเคมี รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายมี 9 รูป
ระบบ GHS
1. Explosive (GHS01) เป็นวัตถุระเบิด เป็นสารที่ทำปฏิกิริยาได้ด้วยตนเอง
2. Flammable (GHS02) เป็นสารไวไฟ, สารที่ทำปฏิกิริยาได้ด้วยตนเอง, สารที่ลุกติดไฟได้เอง, สารที่เกิดความร้อนได้เอง
3. Oxidizing (GHS03) สารออกซิไดส์, สารเปอร์ออกไซด์
4. Compressed Gas (GHS04) ก๊าซบรรจุภายใต้ความดัน
5. Corrosive (GHS05) สารกัดกร่อน, มีพิษต่อดวงตาและผิวหนัง
6. Toxic (GHS06) สารที่มีพิษเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิต
7. Harmful (GHS07) สารที่มีพิษเฉียบพลัน เป็นอันตราย ทำให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง มีผลต่อทางเดินหายใจ
8. Health Hazard (GHS08) สารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ, สารก่อมะเร็ง, เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์
9. Environmental Hazard (GHS09) สารที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ
เมื่อเราทราบถึงสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย มีอยู่ 4 ระบบที่นิยมใช้กัน คือ ระบบ EEC, ระบบ UN, ระบบ NFPA และ ระบบ GHS
มาทราบวิธีการอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่ติดบนภาชนะบรรจุสารเคมีและวัตถุอันตราย
ขั้นตอนที่
1 ดูสี
สีแดง : มีความไวไฟ
สีฟ้า : เมื่อเปียกจะทำให้ก๊าซไวไฟ
สีเหลือง : มีความอันตราย
สีส้ม : ระเบิดได้
สีเขียว : มีความปลอดภัย
สีขาว : สารอันตรายที่มีความเป็นพิษ
ขั้นตอนที่
2 ดูสัญลักษณ์
1. ระเบิดได้
2. สารออกซิไดส์
3. มีความไวไฟ
4. สารติดเชื้อ
5. ถังอัดความดัน
6. วัสดุกัมมันตรังสี
7. สารพิษ
8. สารกัดกร่อน
ขั้นตอนที่ 3 ดูหมายเลข
1. วัตถุระเบิด
2. ก๊าซ
3. ของเหลว
4. ของแข็ง
5. สารออกซิไดส์หรืออินทรีย์เปอร์ออกไซด์
6. สารพิษหรือสารติดเชื้อ
7. วัสดุกัมมันตรังสี
8. สารกัดกร่อน
9. วัตถุเคมีอื่นซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภท ที่ 1-8 แต่มีคุณสมบัติเป็นอันตราย
สรุป
สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย มีอยู่ 4 ระบบที่นิยมใช้กัน คือ ระบบ EEC, ระบบ UN, ระบบ NFPA และ ระบบ GHS ซึ่งหากเราสามารถจำแนกและอ่านสัญลักษณ์ป้ายได้เราสามารถเข้าใจและใช้สารได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น