สาระสำคัญ เรื่อง การประเมินอันตราย การศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ประกาศฉบับนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้นในสถานประกอบการทุกแห่ง
สาระสำคัญ ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การประเมินอันตราย การศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงาน และการจัดทำแผนควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการ
ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การประเมินอันตราย การศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงานและการจัดทำแผนควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการ ประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างทุกคน การปฏิบัติตามประกาศนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น และควรได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การประเมินอันตราย การศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงานและการจัดทำแผนควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการ ประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างทุกคน การปฏิบัติตามประกาศนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น และควรได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
สาระสำคัญ
- ให้นายจ้างดำเนินการประเมินอันตราย ศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงาน และจัดทำผลการประเมินอันตรายแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย และแผนควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2568 หรือนับแต่วันที่มีจำนวนลูกจ้างครบตามบัญชี 1 ลูกจ้าง 2 คนขึ้นไป, บัญชี 2 ลูกจ้าง 20 คนขึ้นไป
- ทบทวนการดำเนินการทุก 3 ปี กรณีที่มีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร อุปกรณ์ กระบวนการผลิต วิธีการทำงานให้ทำตามข้อหนึ่งให้ครอบคลุมก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินการ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ไม่เกิน30 วัน และเก็บผลการดำเนินการ ณ สถานประกอบกิจการ
- สามารถเลือกวิธีชี้บ่งอันตรายได้ เช่น วิธีของกรมโรงงาน, การประเมินความเสียงทางสุขภาพ หรือตามมาตรฐานสากลก็ได้
- การวิเคราะห์โอกาสและความรุนแรง เพื่อจัดระดับอันตรายจะใช้เกณฑ์ท้ายกฎกระทรวง หรือตามมาตรฐานกรมโรงงาน หรือมาตรฐานสากลก็ได้
- ส่งแบบประเมินอันตราย (แบบ ปอ.1) และแบบแผนดำเนินการด้านความปลอดภัย (แบบ ปอ.2) ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ประเมินเสร็จ
ให้นายจ้างดำเนินการประเมินอันตราย ศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงาน และจัดทำผลการประเมินอันตรายแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย และแผนควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการให้แล้วเสร็จ
ภายในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2568 หรือนับแต่วันที่มีจำนวนลูกจ้างครบตามบัญชี 1 ลูกจ้าง 2 คนขึ้นไป, บัญชี 2 ลูกจ้าง 20 คนขึ้นไป
การดำเนินการตามประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของลูกจ้าง นายจ้างทุกแห่งควรให้ความสำคัญและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ทบทวนการดำเนินการทุก 3 ปี กรณีที่มีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร อุปกรณ์ กระบวนการผลิต วิธีการทำงาน
ให้ทำตามข้อหนึ่งให้ครอบคลุมก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินการ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า
ทั้งนี้ไม่เกิน30 วัน และเก็บผลการดำเนินการ ณ สถานประกอบกิจการ
ให้ทำตามข้อหนึ่งให้ครอบคลุมก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินการ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า
ทั้งนี้ไม่เกิน30 วัน และเก็บผลการดำเนินการ ณ สถานประกอบกิจการ
ข้อกำหนดนี้มุ่งเน้นให้สถานประกอบการมีการทบทวนและปรับปรุงระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นได้ การดำเนินการทบทวนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะนำไปสู่เหตุการณ์อันตราย
สามารถเลือกวิธีชี้บ่งอันตรายได้ เช่น วิธีของกรมโรงงาน, การประเมินความเสียงทางสุขภาพ หรือตามมาตรฐานสากลก็ได้
การเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมจะช่วยให้การประเมินความเสี่ยงมีความแม่นยำและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
การเลือกวิธีการชี้บ่งอันตราย ควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- ลักษณะของงานงานที่ต้องประเมินมีความซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน มีอันตรายที่หลากหลายหรือไม่
- ขนาดขององค์กร องค์กรมีขนาดใหญ่หรือเล็ก มีพนักงานจำนวนมากน้อยแค่ไหน
- ทรัพยากรที่มี มีงบประมาณ เวลา และบุคลากรเพียงพอสำหรับการดำเนินการหรือไม่
- กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานใดบ้าง
- วัตถุประสงค์ของการประเมิน ต้องการประเมินเพื่อจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อปรับปรุงระบบความปลอดภัย เพื่อขอใบอนุญาต หรือเพื่อรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วิธีการชี้บ่งอันตรายอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- Checklist เป็นวิธีการที่ง่ายและรวดเร็ว โดยใช้แบบสอบถามเพื่อตรวจสอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- Job Safety Analysis (JSA) วิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานแต่ละขั้นตอน เพื่อระบุด้านความปลอดภัย
- Hazard and Operability Study (HAZOP) วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อระบุด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดปัญหา
- Failure Mode and Effects Analysis (FMEA) วิเคราะห์ความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น และผลกระทบที่ตามมา
- What-If Analysis ตั้งคำถาม "อะไรจะเกิดขึ้นถ้า..." เพื่อระบุด้านความปลอดภัยที่อาจมองข้าม
การเลือกวิธีการชี้บ่งอันตรายที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดการความเสี่ยงในสถานประกอบการ การพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น และการเลือกใช้หลายวิธีร่วมกัน จะช่วยให้คุณสามารถระบุด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดปัญหา และวางแผนป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์โอกาสและความรุนแรง เพื่อจัดระดับอันตรายจะใช้เกณฑ์ท้ายกฎกระทรวง หรือตามมาตรฐานกรมโรงงาน หรือมาตรฐานสากลก็ได้
การเลือกใช้เกณฑ์ในการวิเคราะห์โอกาสและความรุนแรงเพื่อจัดระดับอันตราย นั้นเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินความเสี่ยง ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนการควบคุมอันตรายที่เหมาะสม
ส่งแบบประเมินอันตราย (แบบ ปอ.1) และแบบแผนดำเนินการด้านความปลอดภัย (แบบ ปอ.2) ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ประเมินเสร็จ
ข้อกำหนดนี้กำหนดให้สถานประกอบการต้องดำเนินการส่งมอบเอกสาร 2 ฉบับ คือ แบบ ปอ.1 (แบบประเมินอันตราย) และ แบบ ปอ.2 (แบบแผนดำเนินการด้านความปลอดภัย) ภายในระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการประเมินอันตราย ซึ่งหมายความว่าหลังจากที่ได้ทำการประเมินและวิเคราะห์อันตรายในสถานประกอบการแล้ว จะต้องจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันอันตรายที่พบ และนำเสนอแผนดังกล่าวพร้อมผลการประเมินภายในระยะเวลาที่กำหนด
สรุป
ประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างทุกคน การปฏิบัติตามประกาศนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นและควรได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน