6 ข้อควรรรู้ที่จะทำให้ เทศกาลลอยกระทง สนุกและปลอดภัย จากจป.
ทุกปีในคืนวันเพ็ญ เดือนสิบสอง… แสงจันทร์ส่องเต็มฟ้า เสียงดนตรีพื้นบ้านดังระงมไปทั่วหมู่บ้าน บางคนแต่งชุดไทย บางบ้านมีเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่รอคอยจะได้ “ลอยกระทง” กับครอบครัว เทศกาลนี้ไม่ใช่เพียงพิธีกรรมที่สวยงาม แต่เป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” ที่สะท้อนความกตัญญู ความเชื่อ และสายใยของคนไทยกับธรรมชาติ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง “ความสนุก” ก็อาจกลายเป็น “ความเสี่ยง” ได้ หากเราไม่ระวัง เช่น การขับขี่หลังดื่ม การเล่นพลุไฟ การทิ้งขยะในแม่น้ำ หรือแม้แต่การแต่งกายที่ไม่เหมาะสม ทั้งหมดนี้สามารถทำให้เทศกาลที่ควรอบอุ่น กลับกลายเป็นเหตุไม่คาดคิดได้
วันนี้ จป.เลยมี 6 ข้อควรรู้มาฝาก ที่จะทำให้ “ลอยกระทง” ของคุณปีนี้ ทั้งสนุกและปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การคมนาคม และความเป็นระเบียบเรียบร้อย
6 ข้อควรรู้มาฝาก ที่จะทำให้ “ลอยกระทง”
1. ประดิษฐ์กระทงด้วยวัสดุที่ย่อยสลายง่าย
กระทงสวย ไม่จำเป็นต้องทำลายธรรมชาติ
ในอดีตคนไทยใช้วัสดุธรรมชาติอย่าง “หยวกกล้วย ใบตอง ดอกไม้สด” ประดิษฐ์กระทง ด้วยความตั้งใจให้คืนสิ่งดี ๆ สู่สายน้ำ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความสะดวกของยุคใหม่ทำให้กระทงโฟม หรือพลาสติกเข้ามาแทนที่ ซึ่งแม้จะสะดวกแต่กลับกลายเป็น “ขยะพิษ” ที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ปัจจุบันหลายพื้นที่รณรงค์ให้ใช้ “กระทงธรรมชาติ 100%” เช่น
- กระทงจากขนมปัง ปลายังได้กิน
- กระทงใบตอง ตกแต่งด้วยดอกไม้พื้นบ้าน
- หรือแม้แต่กระทงจากวัสดุรีไซเคิล เช่น กระดาษชีวภาพ
การเลือกวัสดุที่ย่อยสลายง่ายนอกจากช่วยลดขยะ ยังสะท้อน “จิตสำนึกความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อม” (Environmental Safety Awareness) ซึ่งถือเป็นหน้าที่หนึ่งของ จป. ด้วยนะครับ
2. ครอบครัวละ 1 กระทง ลดปริมาณขยะ
บางบ้านตั้งใจทำกระทงเองทุกคน แต่ลองนึกภาพดูสิครับ… หากทุกคนลอยคนละใบ เมื่อนับรวมทั่วประเทศ จะมีกระทงนับล้านใบลอยอยู่ในแม่น้ำชั่วข้ามคืน นั่นหมายถึง “ขยะจำนวนมหาศาล” ที่ต้องใช้เวลาหลายวันในการเก็บกวาด
กรมควบคุมมลพิษเคยเผยตัวเลขว่า ปีหนึ่ง ๆ มีขยะจากกระทงมากกว่า 800,000 ใบในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว! แต่เมื่อรณรงค์ให้ “ครอบครัวละ 1 กระทง” จำนวนนี้ลดลงกว่า 40%
ลองมองอีกมุม การลอยกระทงไม่ใช่แค่การปล่อยสิ่งไม่ดี แต่เป็นการสร้าง “ความตั้งใจร่วม” ของครอบครัว การช่วยกันทำกระทงหนึ่งใบด้วยใจ จะมีคุณค่ามากกว่าการลอยหลายใบโดยไม่คิด
เพราะ “ลอยน้อย แต่ได้ใจ” คือหลักความยั่งยืนของเทศกาลไทยแท้ครับ
3. เมาไม่ขับ
เรื่องนี้สำคัญมาก ทุกปีหลังงานลอยกระทง มักมีรายงานอุบัติเหตุบนถนนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “เมาแล้วขับ” ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ หลายคนคิดว่าแค่ดื่มนิดหน่อยไม่น่าเป็นไร แต่ความจริงแล้ว แอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยก็สามารถลดการตัดสินใจและการทรงตัวได้มาก
สถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง อุบัติเหตุบนถนนที่เกี่ยวข้องกับการดื่มมีมากกว่า 30% ของอุบัติเหตุทั้งหมด!
จป.อยากฝากไว้ว่า “เมาแล้วขับ = ไม่ใช่ความกล้า แต่คือความประมาท”
หากอยากดื่มเพื่อความสนุก ก็เลือกกลับโดยสารแท็กซี่ รถสาธารณะ หรือให้เพื่อนที่ไม่ดื่มช่วยขับแทน เพราะไม่มีความสุขใดจะคุ้มค่าเท่าชีวิตของคุณและคนรอบข้าง
4. ระวังการขับ-ลงท่าเรือ เรือ หรือโป๊ะ
กิจกรรมลอยกระทงส่วนใหญ่จัดใกล้แม่น้ำ ลำคลอง หรือบึงน้ำ การเดินขึ้นลงท่าเรือในช่วงกลางคืนจึงมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะหากมีคนจำนวนมาก หรือพื้นที่ลื่น ไม่มีราวจับ
จป.ขอแนะนำดังนี้
- สวมรองเท้าที่ไม่ลื่น และส้นไม่สูง
- หลีกเลี่ยงการเบียดเสียด หรือผลักกันขณะลงเรือ
- ห้ามลงเรือในขณะที่มีอาการมึนเมา
- หากพาเด็กไป ควรจับมือไว้ตลอดเวลา
- สังเกตป้ายเตือนจากเจ้าหน้าที่ เช่น “ท่านี้ห้ามลงเรือ” หรือ “ระวังพื้นลื่น”
นอกจากนี้ ผู้จัดงานควรมี “มาตรการความปลอดภัยทางน้ำ” เช่น จัดเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำท่า มีเสื้อชูชีพเพียงพอ และมีไฟส่องสว่างตลอดแนวทางเดิน เพื่อป้องกันการตกน้ำหรือพลัดตกโป๊ะ
ความสนุกที่แท้จริง คือ การกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยทุกคนครับ
5. ไม่เล่นพลุ ดอกไม้ไฟ โคมลอย โคมไฟ ตะไล
นี่คือหนึ่งใน “ภัยแฝง” ของเทศกาลลอยกระทงที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะในพื้นที่แออัด พลุและดอกไม้ไฟอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ทุกปีจะมีข่าวบ้านไหม้ หรือเด็กบาดเจ็บเพราะจุดพลุใกล้ผู้คน โดยเฉพาะ “โคมลอย” ที่อาจปลิวไปตกบนหลังคา หรือสายไฟฟ้า ก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย
ประกาศกระทรวงมหาดไทยยังระบุชัดว่า “การปล่อยโคมลอย โคมควัน หรือโคมไฟลอย” ต้องขออนุญาตล่วงหน้า หากฝ่าฝืนอาจถูกปรับสูงสุดถึง 60,000 บาท หรือจำคุก 3 ปี!
จป.ขอย้ำว่า การสร้างสีสันในงานไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งที่เสี่ยงภัย เราสามารถเลือกกิจกรรมที่ปลอดภัยกว่า เช่น
- ชมการแสดงพื้นบ้าน
- จุดเทียนถวายพระ
- ร่วมประกวดกระทงสร้างสรรค์
เพราะ “ความงดงามของแสงไฟ” ไม่ควรแลกด้วยความเสียหายใด ๆ
ในปีนี้ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่คนไทยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชินีในร.9 … เรามีข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้การลอยกระทงของคุณไม่เพียงสนุกและปลอดภัย แต่ยังเป็นการสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมอีกด้วย
6. ไม่แต่งกายล่อแหลม
แม้เทศกาลลอยกระทงจะเป็นงานรื่นเริง แต่ก็ยังเป็น “พิธีกรรมไทย” ที่มีรากเหง้าแห่งความเคารพต่อธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การแต่งกายจึงควรเหมาะสม ทั้งเพื่อความปลอดภัย และความงดงามตามวัฒนธรรม
ในแต่ละปี มักมีข่าวเหตุลวนลาม หรือทะเลาะวิวาทในงานกลางคืน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม หรือการดื่มสุราในสถานที่แออัด จป.จึงอยากเตือนว่า “ความงามแท้ของผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้าน้อยชิ้น แต่อยู่ที่ความมั่นใจและกาลเทศะ”
อย่าลืมว่า เทศกาลไทยคือสมบัติของชาติ เราทุกคนคือผู้สืบทอดที่ต้องช่วยกันรักษา
7. รำลึกอย่างเหมาะสม
เลือกเวลาหลังลอยกระทงด้วยการกล่าวคำอธิษฐานหรือถวายดอกไม้สด ณ จุดกลางแจ้ง สะท้อนถึงพระราชประสงค์ของพระองค์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและสายน้ำ
เมื่อความสนุกคู่กับความปลอดภัย… ความสุขจะยั่งยืน
การลอยกระทงไม่ใช่เพียงการ “ปล่อยสิ่งไม่ดี” แต่คือการ “เรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน” ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ชีวิต และสังคม
หากทุกคนทำตาม 6 ข้อนี้
- ใช้วัสดุธรรมชาติ
- ครอบครัวละ 1 กระทง
- เมาไม่ขับ
- ระวังพื้นที่ริมน้ำ
- งดการเล่นพลุ-โคมไฟ
- แต่งกายเหมาะสม
เราจะได้เห็นภาพ “เทศกาลไทยที่งดงาม” ทั้งในแง่ของวัฒนธรรมและความปลอดภัย
สรุปท้ายเทศกาลจากใจ จป.
คืนนี้…เราไม่ต้องฝ่ารถติด ไม่ต้องเบียดเสียดริม น้ำ ไม่ต้องกังวลพลุ ดอกไม้ไฟหรือโคมลอย
เลือก ลอยกระทงออนไลน์ กันดีกว่า — ร่วมประเพณีไทยแบบใหม่ สะอาด ปลอดภัย และรักโลก
คุณก็สามารถเขียนคำอธิษฐาน เลือกกระทง ดิจิทัล แล้วส่งไปลอยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ทันที แม้จะอยู่ที่บ้าน
ช่วยลดขยะในแม่น้ำ รักษาผืนน้ำให้สะอาด ตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน
เซฟตี้อินไทย ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันลอยกระทง
ลอยความทุกข์ออกไป เหลือแต่รอยยิ้ม ความปลอดภัย และความสุขในใจของทุกคน
ติดตามสาระดี ๆ จาก จป. ได้ที่ LINE: @safetyinthai
