6 โรคร้ายที่มากับน้ำท่วม
6 โรคร้ายที่มากับน้ำท่วม น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างมาก หนึ่งในผลกระทบที่น่ากังวล คือ การแพร่ระบาดของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่มากับน้ำเสียและสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด มาทำความรู้จักกับ 6 โรคร้ายที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วม พร้อมวิธีป้องกันกันนะคะ
6 โรคร้ายที่มากับน้ำท่วม มีดังนี้
มาทำความรู้จักกับ 6 โรคร้ายที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วม พร้อมวิธีป้องกันกันนะคะ
1. โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ที่มากับน้ำท่วม
ทำไมน้ำท่วมถึงทำให้เราเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ได้ ?
น้ำท่วมมักมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เชื้อโรคต่างๆ รวมถึงเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายมากขึ้นผ่าน
- อากาศ เมื่อมีการระเหยของน้ำจากพื้นที่น้ำท่วม ทำให้เชื้อโรคลอยอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป
- น้ำ การสัมผัสน้ำท่วมโดยตรง หรือการใช้ของใช้ที่ปนเปื้อนน้ำ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- การสัมผัส การสัมผัสกับผู้ป่วยหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ก็สามารถติดเชื้อได้
อาการของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
- ไข้สูง อาจมีไข้ต่ำสลับสูง
- ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ
- ปวดศีรษะ รู้สึกปวดตุบๆ
- ไอ อาจมีเสมหะ
- เจ็บคอ คันคอ
- อ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรง
- น้ำมูกไหล อาจมีสีเหลืองหรือเขียว
วิธีป้องกันจากไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วม หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมรองเท้าบู๊ตและถุงมือ
- สวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการสูดดมเชื้อโรคในอากาศ
- ล้างมือบ่อย ๆ ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างมือให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย หากมีคนในบ้านป่วย ควรแยกห้องนอนและใช้ของใช้ส่วนตัว
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดีขึ้น
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด
2. โรคอุจจาระร่วงที่มากับน้ำท่วม
ทำไมน้ำท่วมถึงทำให้เราเป็นโรคอุจจาระร่วงได้ ?
น้ำท่วมมักนำพาเชื้อโรคต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำเสีย สิ่งปฏิกูล และเศษอาหารเข้าสู่แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม ทำให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไป
สาเหตุหลักของโรคอุจจาระร่วงในช่วงน้ำท่วม
- เชื้อแบคทีเรีย: เช่น เชื้ออีโคไล, เชื้อซาลโมเนลลา, เชื้อชิเกลลา
- เชื้อไวรัส: เช่น โรต้าไวรัส, นอร์วอล์คไวรัส
- ปรสิต: เชื้ออะมีบา
อาการของโรคอุจจาระร่วง
- ถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยครั้ง
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- อ่อนเพลีย
วิธีป้องกันโรคอุจจาระร่วง
- ดื่มน้ำสะอาด ต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่ม หรือดื่มน้ำบรรจุขวดที่มีฉลาก อย.
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารที่วางทิ้งไว้นาน
- ล้างมือให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วม หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมรองเท้าบู๊ตและถุงมือ
- ทำความสะอาดอาหารและภาชนะให้สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนนำมาปรุงอาหาร
- กำจัดขยะอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- หากมีอาการป่วย ควรรีบพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
การป้องกันโรคอุจจาระร่วง เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีน้ำท่วม การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นจะช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัยจากโรคนี้ได้
3. โรคไข้เลือดออก
ทำไมน้ำท่วมถึงทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้เลือดออก?
น้ำท่วมมักจะนำมาซึ่งสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก น้ำขังตามภาชนะต่างๆ หรือตามพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ทำให้จำนวนยุงลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไข้เลือดออก
อาการของโรคไข้เลือดออก
- ไข้สูง ไข้สูงเฉียบพลัน เกิน 38 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ ปวดรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตา
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ ปวดตามตัว
- มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เช่น ผื่นแดง เลือดออกตามไรฟัน เหงือก
- คลื่นไส้อาเจียน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้เลือดออก
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โรคไข้เลือดออกอาจมีความรุนแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ เช่น
- ไข้เลือดออกรุนแรง มีอาการเลือดออกมาก อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ความดันโลหิตต่ำ
- ช็อก อวัยวะต่างๆ ของร่างกายขาดเลือด
วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก
กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
- ตรวจสอบและกำจัดภาชนะที่ใส่น้ำและมีน้ำขัง
- ปิดฝาภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด
- เปลี่ยนน้ำในแจกันและกระถางต้นไม้สัปดาห์ละครั้ง
ป้องกันการถูกยุงกัด
- นอนในมุ้ง
- สวมเสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาว
- ใช้ยาไล่ยุง
หากมีอาการป่วย ไปพบแพทย์ทันที
3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค
เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกและโรคติดเชื้อจากยุงลายอื่นๆ เช่น ไข้ซิกา ไข้ปวดข้อยุงลาย ควรปฏิบัติตามหลัก "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" ได้แก่
การรักษาโรคไข้เลือดออก
การรักษาโรคไข้เลือดออกเน้นการดูแลรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ผู้ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก หากมีวัคซีนไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
- ติดตามข่าวสาร ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกจากหน่วยงานสาธารณสุข
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ การร่วมมือกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้
4. โรคตาแดง
ทำไมน้ำท่วมถึงทำให้เกิดโรคตาแดง ?
น้ำท่วมมักจะนำพาเชื้อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรียและไวรัส มาปนเปื้อนในน้ำ ซึ่งเมื่อน้ำเหล่านี้กระเด็นเข้าตา หรือเราสัมผัสน้ำแล้วนำมือไปขยี้ตา ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดโรคตาแดงได้
อาการของโรคตาแดง
- ตาแดง
- เคืองตา
- มีขี้ตา
- ตาพร่ามัว
- กลัวแสง
- น้ำตาไหล
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคตาแดงในช่วงน้ำท่วม
- การสัมผัสน้ำสกปรก น้ำท่วมมักปนเปื้อนด้วยเชื้อโรคต่างๆ เมื่อน้ำเหล่านี้กระเด็นเข้าตา ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- การสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู ที่ใช้ร่วมกับผู้ป่วยโรคตาแดง
- การขยี้ตา การขยี้ตาบ่อยๆ จะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายและทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้น
วิธีป้องกันโรคตาแดง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วม หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมแว่นตาป้องกัน
- ล้างมือให้สะอาด ก่อนและหลังสัมผัสดวงตา
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หากรู้สึกเคืองตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาเบาๆ
- รักษาความสะอาดรอบตัวทำความสะอาดบ้านเรือนและสิ่งของให้สะอาดอยู่เสมอ
การรักษาโรคตาแดง
- หยอดตา แพทย์จะสั่งจ่ายยหยอดตาตามชนิดของเชื้อที่ติดเชื้อ
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนักๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลนส์สัมผัส ควรใส่แว่นแทน
- ปรึกษาแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษา
ภาวะแทรกซ้อนของโรคตาแดง
หากปล่อยให้โรคตาแดงเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น
- การติดเชื้อลุกลาม อาจทำให้เกิดการอักเสบของกระจกตา หรือเยื่อบุตา
- การมองเห็นลดลง ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
การป้องกันโรคตาแดงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีน้ำท่วม การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นจะช่วยให้คุณปลอดภัยจากโรคนี้ได้
5.โรคฉี่หนู
โรคฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมักพบในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู หมู วัว ควาย เมื่อน้ำท่วม เชื้อโรคเหล่านี้จะปนเปื้อนในน้ำและดิน ทำให้คนเราติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคฉี่หนู
- การสัมผัสน้ำท่วมโดยตรง การเดินลุยน้ำท่วม หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล รอยถลอก หรือเยื่อบุตา
- การสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ: เช่น ดิน โคลน หรือสิ่งของที่สัมผัสกับน้ำท่วม
อาการของโรคฉี่หนู
- ไข้สูง ไข้สูงเฉียบพลัน
- ปวดศีรษะ: ปวดรุนแรง
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ: โดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง
- ตาเหลือง: ในบางราย
- ปัสสาวะสีเข้ม: หรือปัสสาวะออกน้อย
- มีอาการทางระบบประสาท: เช่น สับสน ชัก
การป้องกันโรคฉี่หนู
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วม: หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมรองเท้าบู๊ตและถุงมือ
- ทำความสะอาดร่างกายหลังสัมผัสน้ำท่วม: ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างร่างกายให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบ: ปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทาน
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์หนู: เพื่อลดจำนวนหนูพาหะนำโรค
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนู: สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยง
การรักษาโรคฉี่หนู
- การให้ยาปฏิชีวนะ: เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- การรักษาตามอาการ: เช่น การให้ยาลดไข้ ยาลดปวด
ภาวะแทรกซ้อนของโรคฉี่หนู
- ภาวะไตวายเฉียบพลัน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำลายไต
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำลายสมอง
- ภาวะเลือดออก
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โรคฉี่หนูอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น หากคุณมีอาการสงสัยว่าเป็นโรคฉี่หนู ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
6.โรคเมลิออยด์ (โรคไข้ดิน)
โรคเมลิออยด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคไข้ดิน เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมักพบในดินและน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเกษตรกรรม เมื่อเกิดน้ำท่วม เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้จะแพร่กระจายและปนเปื้อนในน้ำและดินมากขึ้น ทำให้ผู้ที่สัมผัสกับน้ำท่วมมีโอกาสติดเชื้อได้สูงขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเมลิออยด์
- การสัมผัสดินหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน เช่น การเดินลุยน้ำท่วม การทำสวน การเกษตร
- การสูดดมฝุ่นที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ฝุ่นดินที่ปลิวว่อนในอากาศ
- บาดแผลที่สัมผัสกับดินหรือน้ำที่มีเชื้อ เชื้อแบคทีเรียจะเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล
อาการของโรคเมลิออยด์
- ไข้สูง เป็นอาการเริ่มแรกที่พบบ่อยที่สุด
- ไอ อาจมีเสมหะ
- เจ็บหน้าอก หากเชื้อเข้าไปติดเชื้อที่ปอด
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
- มีฝีที่ผิวหนัง
- ปวดท้อง ท้องเสีย
กลุ่มเสี่ยง
- ผู้ที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค: เช่น เกษตรกร ผู้ที่ทำงานในนาข้าว สวนยาง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคปอด
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การป้องกันโรคเมลิออยด์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดินหรือน้ำที่ปนเปื้อน หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือ และเสื้อผ้าที่มิดชิด
- รักษาความสะอาดร่างกาย อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหลังจากสัมผัสดินหรือน้ำ
- ปฐมพยาบาลบาดแผล ทำความสะอาดบาดแผลให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงการสูดดมฝุ่น สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องทำงานในพื้นที่ที่มีฝุ่น
- ปรึกษาแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ
การรักษาโรคเมลิออยด์
ภาวะแทรกซ้อน
- ติดเชื้อกระจายไปทั่วร่างกาย: อาจทำให้เกิดฝีในอวัยวะภายใน
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
- การทำงานของอวัยวะสำคัญล้มเหลว
โรคเมลิออยด์เป็นโรคที่อันตรายและอาจถึงแก่ชีวิตได้ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณมีอาการสงสัยว่าติดเชื้อโรคเมลิออยด์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สรุป
น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่นำมาซึ่งความเสียหายและปัญหาสุขภาพมากมาย หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ ซึ่งมักเกิดจากการสัมผัสน้ำและสิ่งปนเปื้อนในน้ำท่วม การป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากทุกคนร่วมมือกัน ก็จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้