จป.ขอเตือนไฟดูด-ไฟช็อต ช่วงหน้าฝน
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ความชื้นในอากาศและน้ำฝนที่รั่วซึมสามารถทำให้ กระแสไฟฟ้ารั่วไหล หรือ ลัดวงจร ได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงานที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหนักหรือไม่มีระบบป้องกันที่ดีพอ
ไฟช็อต-ไฟดูด อันตรายต่อร่างกาย
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ความชื้นในอากาศและน้ำฝนที่รั่วซึมสามารถทำให้ กระแสไฟฟ้ารั่วไหล หรือ ลัดวงจร ได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงานที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหนักหรือไม่มีระบบป้องกันที่ดีพอ
ความแตกต่างระหว่างไฟดูดกับไฟช็อต
- ไฟช็อต (Electric Shock) เกิดจาก ไฟลัดวงจร ส่งผลให้เกิดความร้อนและกระแสไฟฟ้ารุนแรงผ่านเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้ชักเกร็ง หมดสติ หรือเสียชีวิต
- ไฟดูด (Electric Leakage Shock) เกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วไปยัง โครงโลหะของอุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อร่างกายสัมผัสโดยตรงจะทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า
ไฟฟ้าเป็นพลังงานสำคัญที่เราใช้อยู่ทุกวัน ทั้งในที่ทำงานและในบ้าน หากใช้งานโดยขาดความระมัดระวัง อาจก่อให้เกิด อุบัติเหตุทางไฟฟ้า ที่รุนแรงถึงชีวิตได้ เช่น ไฟดูด ไฟช็อต หรือเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร
วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าอย่างถูกต้องและปลอดภัย
1. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟให้สมบูรณ์
- ตรวจดูว่าไม่มีรอยฉีกขาด ฉนวนหุ้มไม่หลุดลอก
- อุปกรณ์ไฟฟ้าควรอยู่ในสภาพดี ใช้งานได้ตามปกติ
2. ห้ามสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะร่างกายเปียกน้ำ
- น้ำเป็นตัวนำไฟฟ้า ร่างกายที่เปียกจะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่าย
- อาจเกิดไฟดูดได้แม้เพียงสัมผัสปลั๊กไฟ
3. ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐาน มอก.
- สังเกตสัญลักษณ์ “มอก.” บนอุปกรณ์ทุกชิ้น
- ช่วยรับประกันความปลอดภัยจากวัสดุและการออกแบบที่ผ่านการตรวจสอบ
4. ติดตั้งสายดินให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า
- สายดินช่วยป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไหลไปสู่ร่างกาย
- ควรติดตั้งร่วมกับ เบรกเกอร์กันดูด (RCD หรือ ELCB) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุไฟฟ้า ไฟดูด ไฟช็อต
เหตุการณ์ไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าช็อตเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในโรงงาน อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่ในบ้านพักอาศัย หากผู้ประสบเหตุไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและรวดเร็ว จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างรุนแรงในระยะเวลาอันสั้น
การปฐมพยาบาล ที่ถูกต้องตามลำดับขั้นตอน เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
ขั้นตอนปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีไฟดูด/ไฟฟ้าช็อต
1. ประเมินความปลอดภัยของสถานการณ์ (Scene Safety)
- หยุด! อย่าเข้าไปช่วยจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีไฟรั่ว
- ตัดกระแสไฟฟ้าโดย สับคัตเอาต์หลัก หรือถอดปลั๊ก
- ใช้ อุปกรณ์ที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เชือกแห้ง ไม้แห้ง เพื่อแยกร่างผู้บาดเจ็บออกจากแหล่งไฟ
2. ตรวจเช็กการตอบสนองของผู้บาดเจ็บ
- เรียกชื่อ/ตบแขนเบา ๆ หากไม่ตอบสนองและไม่หายใจ ให้ดำเนินการขั้นถัดไปทันที
3. โทรแจ้งสายด่วน 1669 (Call EMS)
- โทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที
- “โทรก่อน แล้วค่อยเริ่ม CPR” คือหลักการที่ถูกต้องตามแนวทาง Basic Life Support
- ให้ข้อมูลที่สำคัญ: สถานที่เกิดเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บ ลักษณะอาการเบื้องต้น
4. เริ่มทำ CPR (Cardiopulmonary Resuscitation)
- หากผู้บาดเจ็บไม่หายใจ ให้เริ่มปั๊มหัวใจทันที ด้วยอัตรา 100–120 ครั้งต่อนาที ความลึกประมาณ 5–6 ซม.
- ถ้ามีเครื่อง AED (เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ) ให้ใช้งานตามคู่มือทันที โดยไม่ชะลอการปั๊ม
ข้อควรระวังในการช่วยเหลือ
- ห้ามแตะต้องร่างผู้ป่วยโดยตรง หากยังไม่แน่ใจว่าไม่มีไฟฟ้า
- ห้ามใช้น้ำ หรือวัตถุที่เปียกชื้นเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือ
- ห้ามละเลยการโทรแจ้ง 1669 เพราะการช่วยเหลือโดยไม่มีทีมแพทย์ฉุกเฉินหนุนหลังมีความเสี่ยงสูง
สรุป
อุบัติเหตุทางไฟฟ้าไม่ได้เกิดบ่อย แต่หากเกิดเพียงครั้งเดียว อาจหมายถึงการสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้” หน้าที่ของ จป. และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คือการป้องกันก่อนเกิดเหตุ และเตรียมระบบช่วยเหลือให้พร้อมเสมอ
ที่มา : กรมควบคุมโรค, สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.),สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน