ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ.๒๕๖๘ - เซฟตี้อินไทย
อบรมหลักสูตรฟรี สำหรับสมาชิก          คลิกที่นี่

บทความ

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ.๒๕๖๘



ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๘

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๘

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า "ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๘"

ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ข้อ ๔ กำหนดให้โรคหรืออาการสำคัญดังต่อไปนี้เป็นโรคจากการประกอบอาชีพ

(๑) โรคหรืออาการที่เกิดจากตะกั่วหรือสารประกอบของตะกั่ว หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติ ที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพที่สัมผัสตะกั่วหรือสารประกอบของตะกั่ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน โดยมีอาการสำคัญ ดังต่อไปนี้

(๑.๑) ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องผูก มีภาวะซีด มีอาการความผิดปกติ

ของหลอดไตฝอย ความคิดสับสน ชัก หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๑.๒) กรณีที่มีอาการผิดปกติเรื้อรัง จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดข้อ หรือปวดกล้ามเนื้อ

มีภาวะซีด มีอาการชาข้อมือ ข้อเท้าตก

(๒) โรคหรืออาการที่เกิดจากฝุ่นซิลิกา หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจาก หรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพที่สัมผัสฝุ่นซิลิกา ทั้งนี้ ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน โดยมีอาการสำคัญ ดังต่อไปนี้

(๒.๑) เหนื่อยง่าย ไอ อาจมีความผิดปกติของภาพรังสีทรวงอก ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีภาวะหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต อันอาจเป็นอาการของโรคซิลิโคสิส (Silicosis)สำหรับโรคซิลิโคสิสเฉียบพลัน จะมีอาการไข้ ไอ มีเสมหะ เหนื่อยง่าย ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีภาวะหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๒.๒) ไอเรื้อรัง บางครั้งอาจไอเป็นเลือด หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก น้ำหนักลดอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรืออาการอื่นใดที่เข้าได้กับโรคมะเร็งปอด (Lung cancer) หรือมีอาการอื่นใดที่เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะหรือระบบต่าง ๆ อันอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งปอด (Lung cancer)

(๓) โรคหรืออาการที่เกิดจากภาวะอับอากาศ หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพอยู่ในที่อับอากาศตามที่กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานกำหนด ทั้งนี้ ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน โดยจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย แน่นหน้าอกปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน สับสน ชักหมดสติ หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตอันอาจเป็นอาการของโรคจากการขาดออกซิเจนหรือได้รับแก๊สพิษ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นต้น

(๔) โรคหรืออาการที่เกิดจากแอสเบสตอส (แร่ใยหิน) หรือโรคมะเร็งที่เกิดจากแอสเบสตอส(แร่ใยหิน) หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพที่สัมผัสแอสเบสตอส (แร่ใยหิน) ทั้งนี้ ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะ

อาการคล้ายคลึงกัน โดยมีอาการสำคัญ ดังต่อไปนี้

(๔.๑) เหนื่อยง่าย ไอ เจ็บหน้าอก ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการเหนื่อยมากขึ้นกว่าปกติ

ทำให้มีภาวะหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต อันอาจเป็นอาการของโรคแอสเบสโตสิส (Asbestosis)

(๔.๒) เหนื่อยง่าย อันอาจเป็นอาการของภาวะเยื่อหุ้มปอดหนากระจาย (Diffusepleural thickening) หรือภาวะปิ้นเยื่อหุ้มปอด (Pleural plague)

(๔.๓) เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก ไข้ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย หรืออาการอื่นใดที่อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด รวมถึงอาการอื่นใดที่เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะหรือระบบต่าง ๆ อันอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด (Malignant pleural mesothelioma)

(๔.๔) ไอเรื้อรัง บางครั้งอาจไอเป็นเลือด เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก น้ำหนักลดอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรืออาการอื่นใดที่เข้าได้กับโรคมะเร็งปอด (Lung cancer) หรือมีอาการอื่นใดที่เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะหรือระบบต่าง ๆ อันอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งปอด(Lung cancer)

(๕) โรคหรืออาการที่เกิดจากพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพที่สัมผัสสารกำจัดศัตรูพืช ทั้งนี้ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกัน โดยมีการแบ่งประเภทสารกำจัดศัตรูพืชและมีอาการสำคัญ ดังต่อไปนี้

(๕.๑) สารกำจัดแมลง กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตหรือคาร์บาเมต จะมีอาการหายใจหอบเหนื่อยหลอดลมหดเกร็ง ไอมีเสมหะมาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว เหงื่อออกมากน้ำลายไหลมาก น้ำตาไหลออกมาก หัวใจเต้นช้าหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ รูม่านตาหด ตามัว ปัสสาวะราดกล้ามเนื้อสั่นพลิ้ว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก สับสน ซึม และหมดสติ บางรายอาจมีอาการทางจิตเวชได้แก่ ซึมเศร้า สูญเสียความจำ กรณีรุนแรงอาจมีอาการของภาวะน้ำท่วมปอด ภาวะหายใจล้มเหลว จากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง มีอาการตัวเขียว หยุดหายใจตามมา และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๕.๒) สารกำจัดวัชพืช

(๕.๒.๑) สารพาราควอต หากสัมผัสทางผิวหนังและดวงตา จะมีอาการระคายเคืองตา แสบตา ตาอักเสบ เกิดแผลที่กระจกตา ผิวหนังเป็นผื่นแดง แสบผิวหนัง เป็นตุ่มน้ำ ผิวหนัง และเล็บเปลี่ยนสี หากหายใจเอาสารนี้เข้าไป จะมีอาการแสบคอ แสบจมูก ไอ แน่นหน้าอก วิงเวียน ปวดศีรษะ ไข้ ซึม ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีปัสสาวะออกน้อยลงจากภาวะไตวายเฉียบพลัน มีอาการของภาวะตับอักเสบ มีอาการของปอดอักเสบหรือแผลเป็นในปอด มีอาการของภาวะน้ำท่วมปอด เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก หายใจเร็ว มีภาวะตัวเขียว ภาวะหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๕.๒.๒) สารไกลโฟเสท หากสัมผัสทางผิวหนังและดวงตา จะมีอาการระคายเคืองตา แสบตา ผิวหนังเป็นผื่นแดง แสบผิวหนัง อาจเกิดผิวหนังไหม้ (Chemical burn) โดยระยะแรกจะมีอาการบวม เป็นตุ่มน้ำและแตกเป็นแผลได้ หากหายใจเอาสารนี้เข้าไป จะมีอาการแสบคอ แสบจมูก ไอ แน่นหน้าอก ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีภาวะเลือดเป็นกรด (Metabolic acidosis) หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตตก มีอาการของภาวะตับอักเสบ มีปัสสาวะออกน้อยลงจากภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือมีอาการของภาวะน้ำท่วมปอด หรือมีอาการของปอดอักเสบ ภาวะหายใจล้มเหลวชัก หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๕.๓) สารกำจัดเชือรา

(๕.๓.๑) สารเอทธิลีนบิสไดไทโอคาร์บาเมต หากสัมผัสทางผิวหนัง จะมีอาการระคายเคืองบริเวณที่สัมผัส เกิดผิวหนังอักเสบ มีอาการระคายเคืองตาทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบหากหายใจเอาสารนี้เข้าไป จะมีอาการระคายเคืองหรือการอักเสบของจมูก คอ และหลอดลม นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนแรง เกิดอาการชัก และหมดสติได้

(๕.๓.๒) กลุ่มเบนซิมิดาโซล หากสัมผัสทางผิวหนัง จะมีอาการระคายเคือง บริเวณที่สัมผัส เกิดผิวหนังอักเสบ มีอาการระคายเคืองตา หากหายใจเอาสารนี้เข้าไป จะมีอาการระคายเคืองจมูก ระคายเคืองคอ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ เซื่องซึม หรืออาจมีเอนไซม์ตับผิดปกติ

(๖) โรคหรืออาการที่เกิดจากรังสีแตกตัวหรือจากรังสีชนิดก่อไอออน หมายถึง โรคหรืออาการผิดปกติ ที่เกิดขึ้นจากหรือเป็นผลเนื่องมาจากการทำงานหรือการประกอบอาชีพที่ได้รับหรือสัมผัสรังสีแตกตัวหรือรังสีชนิดก่อไอออน ทั้งนี้ ต้องไม่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นใดที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกันโดยมีอาการสำคัญ ดังต่อไปนี้

(๖.๑) กรณีที่มีอาการผิดปกติเฉียบพลันจากรังสี (Acute Radiation Syndrome; ARS)มี ๓ กลุ่มอาการ ได้แก่ กลุ่มอาการทางระบบโลหิต (Hematopoietic type) จะมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง มีไข้ เลือดออกง่ายและหยุดยาก หรือกลุ่มอาการระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal type)จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด หรือกลุ่มอาการระบบประสาทส่วนกลาง (Neurovascular type) จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ภาวะรู้คิดบกพร่องระดับความรู้สึกตัวลดลง และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๖.๒) กรณีที่มีอาการบาดเจ็บเฉพาะที่จากรังสี (Local Radiation Injury; LRI) จะมีอาการผมร่วง อาการบาดเจ็บทางผิวหนัง (Cutaneous Radiation Injury; CRI) อาการผื่นแดงมีตุ่มน้ำ หรือบาดแผลตามผิวหนังหรือผิวหนังไหม้บริเวณที่สัมผัสกับรังสี และอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๖.๓) กรณีที่มีอาการที่เกิดในระยะยาว (Late effect) โดยจะเป็นผลข้างเคียงที่ไม่ขึ้นกับปริมาณรังสีที่ได้รับ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวเนื้องอกในสมอง กรณีหญิงตั้งครรภ์เป็นผู้สัมผัส อาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือระบบสืบพันธุ์แท้ง และทารกในครรภ์อาจมีความผิดปกติทางร่างกายหรือพันธุกรรม

สรุปข้อ ๖ โรคจากรังสี (Ionizing Radiation)

ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อหรืออาการสำคัญของโรคจากการประกอบอาชีพ พ.ศ. ๒๕๖๘

โรคจากรังสีชนิดก่อไอออน (Ionizing Radiation) เป็นโรคที่เกิดจากการได้รับรังสีในระดับที่เป็นอันตราย โดยไม่เกี่ยวข้องกับโรคหรือภาวะอื่นที่มีอาการคล้ายกัน

ลักษณะอาการสำคัญ แบ่งเป็น ๓ กลุ่มหลัก

(๖.๑) อาการเฉียบพลันจากรังสี (Acute Radiation Syndrome; ARS)

เกิดขึ้นทันทีหลังได้รับรังสีในปริมาณสูง มี 3 กลุ่มอาการย่อย:

  • ระบบโลหิต (Hematopoietic type): อ่อนเพลีย ไม่มีแรง มีไข้ เลือดออกง่ายและหยุดยาก
  • ระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal type): คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด
  • ระบบประสาทส่วนกลาง (Neurovascular type): คลื่นไส้ อาเจียน สับสน ระดับสติลดลง อาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๖.๒) อาการบาดเจ็บเฉพาะที่จากรังสี (Local Radiation Injury; LRI)

  • มีอาการผมร่วง
  • ผิวหนังไหม้ มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ หรือบาดแผลในบริเวณที่ได้รับรังสี
  • ในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต

(๖.๓) อาการในระยะยาว (Late effect)

  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นแม้ได้รับรังสีในปริมาณไม่มาก
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งเม็ดเลือดขาว, เนื้องอกในสมอง
  • หากผู้สัมผัสเป็นหญิงตั้งครรภ์ อาจเกิด ความผิดปกติทางพันธุกรรม ระบบสืบพันธุ์ การแท้ง หรือทารกพิการ

สรุปใจความสำคัญ

ประกาศกำหนดชัดเจนว่า “โรคจากรังสีชนิดก่อไอออน” ถือเป็นโรคจากการประกอบอาชีพ โดยพิจารณาจากลักษณะอาการ 3 กลุ่มหลัก คือ

  1. อาการเฉียบพลัน
  2. อาการเฉพาะที่
  3. อาการระยะยาว
  4. ซึ่งทุกกรณีต้องมีประวัติการสัมผัสรังสีในระดับที่มีผลต่อร่างกาย ไม่ใช่จากสาเหตุหรือโรคอื่นที่คล้ายกัน




Comments


businessman

ติดต่อสอบถามคลิกไลน์ Safety In Thai
ติดต่อ-สอบถาม กดตรงนี้ได้เลยค่ะ
ติดต่อ-สอบถาม กดตรงนี้ได้เลยค่ะ