รวมเบอร์สายด่วน สำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 2568-2569
เมื่อพูดถึงการเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาล วันหยุดยาว หรือแม้แต่การเดินทางในชีวิตประจำวัน สิ่งที่หลายคนมักเตรียมคือสัมภาระ อาหาร เครื่องดื่ม หรือเพลย์ลิสต์เพลงโดนใจ แต่กลับลืมสิ่งสำคัญอย่าง “เบอร์ฉุกเฉิน” ที่อาจช่วยชีวิตได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนน
ในปี 2568 เซฟตี้อินไทย ได้รวบรวม “เบอร์สายด่วนสำคัญ” สำหรับการแจ้งเหตุฉุกเฉินทุกรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสความปลอดภัยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ไฟไหม้ รถเสีย หรือเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าแต่ละเบอร์ใช้เมื่อใด เหมาะกับสถานการณ์แบบไหน และควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อจำเป็นต้องโทรแจ้งเหตุ
คู่มือความปลอดภัยที่ควรมีติดตัวก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
หมวดที่ 1 หน่วยงานช่วยเหลือด้านการเดินทาง
1584 – ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ
สำหรับผู้ที่พบพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
• คนขับขับเร็วเกินกำหนด
• ขับหวาดเสียว
• มีการเก็บค่าโดยสารไม่ตรงตามประกาศ
• รถสภาพไม่พร้อมใช้งาน
• ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร
การแจ้งที่ 1584 จะช่วยให้หน่วยงานควบคุมตรวจสอบและแก้ไขทันที เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัย
1356 – สอบถามหรือร้องเรียนเหตุบนทางพิเศษ (ด่วน)
ใช้สำหรับ
• เหตุรถชนบนทางด่วน
• สิ่งกีดขวางบนถนน
• รถเสียกลางทาง
• ขอความช่วยเหลือด้านสภาพถนน
เหมาะสำหรับผู้ใช้เส้นทางด่วนเป็นประจำ
1348 – สอบถามเส้นทางเดินรถ
บริการสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลการเดินทาง เช่น
• เส้นทางรถเมล์
• ความคืบหน้าการก่อสร้าง
• การปิดถนน
• สภาพจราจร
หมวดที่ 2 อุบัติเหตุบนท้องถนน
1137 – แจ้งอุบัติเหตุ
เหมาะสำหรับแจ้งอุบัติเหตุทั่วไป เช่น
• รถชน
• รถเสียจนกีดขวาง
• สิ่งของตกหล่นบนถนน
1543 – รายงานเหตุฉุกเฉินทางพิเศษ
ครอบคลุมเรื่อง
• อุบัติเหตุบนทางด่วน
• การขอรถยก
• การขอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
1193 – ตำรวจทางหลวง
ใช้เมื่อพบเหตุไม่ปกติระหว่างเดินทางต่างจังหวัด เช่น
• จุดเสี่ยงอันตราย
• รถบรรทุกขับเร็ว
• อุบัติเหตุบนเส้นทางไฮเวย์
1586 – กรมทางหลวง
แจ้งเพื่อประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่
กรณี
• ถนนชำรุด
• มีดินสไลด์
• ป้ายสัญญาณล้ม
• อุบัติเหตุที่เกิดบนถนนใหญ่
1586 กด 7-9 – เมเจอร์ไฮเวย์
สำหรับการรายงานเหตุร้ายหรือร้องขอความช่วยเหลือบนเส้นทางสำคัญของไทย
หมวดที่ 3 แจ้งเหตุฉุกเฉินทั่วไป
191 – แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย
ครอบคลุมทุกสถานการณ์เร่งด่วน เช่น
• ทำร้ายร่างกาย
• ปล้นจี้ ชิงทรัพย์
• อุบัติเหตุฉุกเฉิน
• เหตุผิดปกติอื่น ๆ
ถือเป็นเบอร์ “หลัก” ที่ควรโทรเมื่อไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์เข้าหมวดไหน
199 – ไฟไหม้
เบอร์สำหรับติดต่อหน่วยดับเพลิงในทันที
เหมาะกับเหตุการณ์
• ไฟไหม้บ้าน
• ไฟฟ้าลัดวงจร
• เหตุไฟไหม้กลางแจ้ง
ควรแจ้งตำแหน่งชัดเจนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของอาคาร
1192 – รถหาย / รถถูกโจรกรรม
ใช้เพื่อแจ้งตำรวจตรวจสอบทันที เพิ่มโอกาสติดตามรถคืนได้เร็วขึ้น
หมวดที่ 4 เบอร์ฉุกเฉินด้านการแพทย์
1669 – เจ็บป่วยฉุกเฉิน (EMS)
เหมาะสำหรับ
• หัวใจหยุดเต้น
• อาการชัก
• หมดสติ
• อุบัติเหตุรุนแรง
หน่วยแพทย์ฉุกเฉินจะส่งทีมกู้ชีพเข้าพื้นที่ทันที
1646 – หน่วยแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพฯ
เหมาะสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตอบสนองเร็วและครอบคลุมพื้นที่ในเมือง
1554 – หน่วยกู้ชีพ วชิรพยาบาล
เหมาะสำหรับเหตุฉุกเฉินที่เกิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
สิ่งที่ควรทำเมื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้เร็วที่สุด ผู้แจ้งควรเตรียมข้อมูลดังนี้
- ระบุสถานที่ชัดเจน (ตำบล อำเภอ จุดสังเกตสำคัญ)
- บอกลักษณะเหตุการณ์สั้น ๆ ชัดเจน
- จำนวนผู้บาดเจ็บหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
- อันตรายที่ยังคงเกิดขึ้น (ไฟลุกไหม้ รถรั่วไหล ฯลฯ)
- ชื่อ-เบอร์โทรติดต่อกลับ
การแจ้งชัดเจน ช่วยให้ทีมกู้ชีพและหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เคล็ดลับความปลอดภัยก่อนเดินทางปี 2568
เพื่อให้ทุกการเดินทางปลอดภัย ควรทำดังนี้
• ตรวจสภาพรถเบื้องต้น เช่น เบรก ไฟ ยาง น้ำมันเครื่อง
• พกอุปกรณ์สำคัญ เช่น ไฟฉาย สายลากรถ ชุดปฐมพยาบาล
• หลีกเลี่ยงการขับขี่ตอนง่วง
• ไม่ใช้มือถือขณะขับรถ
• เปิดแชร์โลเคชันกับคนใกล้ชิดในระหว่างเดินทางไกล
สรุป
การมี “เบอร์สายด่วนฉุกเฉิน 2568-2569” บันทึกไว้ในโทรศัพท์ คือ เรื่องที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นเหตุเล็กหรือใหญ่ การติดต่อหน่วยงานอย่างรวดเร็วคือหัวใจของการลดความสูญเสีย
เซฟตี้อินไทย ขอให้ทุกคนเดินทางอย่างปลอดภัย อุ่นใจทุกกิโลเมตร
แชร์บทความนี้ให้คนที่คุณห่วงใย เพื่อให้เขาพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินเช่นกันครับ
ขอขอบคุณที่มา รวมเบอร์สายด่วน แจ้งเหตุฉุกเฉิน
