เอาตัวรอดเมื่อต้องเจอด่านตรวจ รวมสูตรลดปริมาณแอลกอฮอล์
ทุกปีเรายังเห็น “ทริกสายดื่ม” โผล่มาตามโซเชียล ทั้งนมเปรี้ยว กาแฟ น้ำเปล่า น้ำยาบ้วนปาก น้ำสมุนไพร หรือแม้แต่หมากฝรั่ง ที่ถูกแชร์ว่า “ช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์ได้” แต่ต้องบอกตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่า… ไม่มีเครื่องดื่มใดในโลกนี้ลดแอลกอฮอล์ในเลือดได้จริง
ทั้งหมดนี้ทำได้แค่ “ลดกลิ่น–ลดความเข้มข้นในช่องปาก” แต่ไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอล์ในเลือดแม้แต่นิดเดียว เพราะเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ของเจ้าหน้าที่ จะตรวจจาก ลมหายใจส่วนลึก ที่มีการแลกเปลี่ยนกับเส้นเลือดฝอยในถุงลมปอด ไม่ใช่จากกลิ่นปากหรือของที่เพิ่งดื่มเข้าไป
พูดง่ายๆ คือ ต่อให้ดื่มน้ำเป็นขวด เคี้ยวหมากฝรั่งจนกรามล้า หรือบ้วนปากจนหมดขวด เครื่องก็ยังตรวจเจอเหมือนเดิมครับ
ทำไมเครื่องดื่มจึง “ช่วยไม่ได้”?
การสลายแอลกอฮอล์ขึ้นอยู่กับการทำงานของ “ตับ” เท่านั้น และต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ไม่ใช่เครื่องดื่มมหัศจรรย์แก้วไหนจะเร่งให้ไวขึ้นได้
- โซดาไม่ช่วย
- กาแฟไม่เกี่ยว
- นมเปรี้ยวก็ช่วยแค่ลมหายใจหอมขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นทริกต่างๆ ที่แชร์กัน ไม่ได้ทำให้ตัวเลขลดลงตามที่หวังเลยครับ
เกณฑ์ตรวจวัดตามกฎหมาย
เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์จะวัดเป็น มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (mg%)
หากค่ามากกว่า 50 mg% = เมาสุรา ทันที
ไม่ว่าคุณจะดื่มน้อย ดื่มนาน หรือดื่มแล้วบ้วนปากมากี่รอบก็ตาม
รู้หรือไม่ ? “ปฏิเสธการเป่า = เมาแล้วขับ”
หลายคนคิดว่าถ้าปฏิเสธ ไม่ยอมเป่า ก็รอด… แต่กฎหมายระบุชัดเจนว่า การปฏิเสธถือว่า “เมาแล้วขับ” เช่นกัน มีโทษดังนี้
- จำคุกสูงสุด 1 ปี
- ปรับ 10,000 – 20,000 บาท
- พักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรืออาจถูกเพิกถอนได้
- เจ้าหน้าที่มีสิทธี่ยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน
เรียกได้ว่า “ไม่เป่า = เมาแล้วขับ” ครับ
ดื่มแล้วขับ อันตรายยังไง?
แอลกอฮอล์ส่งผลต่อร่างกายทันที แม้ดื่มแค่นิดเดียว ได้แก่
- การตัดสินใจช้าลง ความเสี่ยงตัดสินใจผิดพลาดเพิ่มขึ้น
- ระบบประสาทตอบสนองช้าลง หยุดรถ–เบรก–หักหลบ ไม่ทันสถานการณ์
- ประสาทสัมผัสทำงานด้อยลง การมองเห็นและการประเมินระยะเพี้ยน
- เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ทั้งตัวเองและผู้ใช้ถนนคนอื่น
หลายเคสที่เราเห็นในข่าว เสี้ยววินาทีที่ตัดสินใจช้า เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ นำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย?
- หากตั้งใจดื่ม ล็อกอินสู่ “โหมดไม่ขับ” ทันที
- ใช้บริการรถสาธารณะหรือแท็กซี่
- นัดเพื่อนเป็นสารถีประจำคืน
- หรือพักให้สร่างก่อนขับ (แต่ต้องเข้าใจว่าใช้เวลาเป็นชั่วโมง ไม่ใช่ 10–20 นาที)
สรุป
- เครื่องดื่มลดค่าแอลกอฮอล์ “ไม่มีจริง”
- ทริกที่แชร์กัน “ใช้ไม่ได้ผล”
- การปฏิเสธการเป่า “เท่ากับเมาแล้วขับ”
- สิ่งเดียวที่ช่วยได้จริงคือ “ไม่ดื่มแล้วขับ” เท่านั้นครับ
ขอขอบคุณที่มา : Fake News – เครื่องดื่มลดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่มีจริง – ดื่มไม่ขับ

