6 โรคร้ายอันตรายที่มาจากน้ำท่วม - เซฟตี้อินไทย
อบรมหลักสูตรฟรี สำหรับสมาชิก          คลิกที่นี่

บทความ

6 โรคร้ายอันตรายที่มาจากน้ำท่วม



6 โรคร้ายอันตรายที่มาจากน้ำท่วม

6 โรคร้ายอันตรายที่มาจากน้ำท่วม

ประเทศไทยมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้นและมีฤดูฝนที่ชัดเจน ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นประจำในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลาก หรือน้ำท่วมขังยาวนานในเขตชุมชนและพื้นที่ทำงาน เมื่อมีน้ำท่วม ความเสียหายที่เห็นชัดที่สุดคือทรัพย์สิน แต่สิ่งที่อันตรายมากกว่าและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว คือ “โรคติดต่อที่มากับน้ำท่วม”

หากย้อนดูประสบการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดในช่วงหลายปีหลัง พบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโรคฉี่หนูที่พบมากในผู้ที่ต้องลุยน้ำเป็นเวลานาน โรคอุจจาระร่วงจากน้ำไม่สะอาด รวมถึงโรคที่ระบาดจากยุงที่เพิ่มจำนวนขึ้นตามแหล่งน้ำขัง

บทความนี้จะพาไปรู้จัก “6 โรคร้ายอันตรายที่มากับน้ำท่วม” พร้อมอธิบายสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน รวมถึงแนวทางที่คนทำงานและชุมชนควรรู้ เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยขึ้นในช่วงฤดูฝน

6 โรคร้ายอันตรายที่มากับน้ำท่วม ที่คนทำงาน–ประชาชนต้องรู้ เพื่อป้องกันให้ทันในช่วงภัยพิบัติ

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) และ โรคไข้ดิน หรือเมลิออยด์ (Melioidosis)

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) และ โรคไข้ดิน หรือเมลิออยด์ (Melioidosis)

1. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)

โรคฉี่หนูเป็นโรคที่มาพร้อมน้ำท่วมแทบทุกครั้ง เพราะน้ำท่วมทำให้เชื้อจากปัสสาวะของสัตว์—โดยเฉพาะ “หนู” —กระจายปะปนอยู่ในน้ำจำนวนมาก เมื่อคนเดินลุยน้ำ มีแผลถลอก หรือผิวหนังถูกแช่น้ำนานหลายชั่วโมง เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทันที

อาการสำคัญ

• มีไข้สูง 1–2 สัปดาห์

• ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะต้นขา น่อง

• คลื่นไส้ อาเจียน

• ตาแดง

ในรายรุนแรงอาจมีอาการไตวาย ตับอักเสบ หรือเสียชีวิตได้หากรักษาช้า

ผู้เสี่ยงสูง

• คนงานก่อสร้าง

• เกษตรกร

• เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ต้องเดินลุยน้ำ

• พนักงานโรงงานในพื้นที่น้ำท่วม

การป้องกัน

• หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ ถ้าจำเป็นต้องใส่รองเท้าบูท

• ล้างมือ–เท้าให้สะอาดหลังสัมผัสน้ำ

• กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์หนู

• ไม่จับสัตว์ตายด้วยมือเปล่า

ข้อควรรู้ โรคนี้รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ แต่ต้องพบแพทย์เร็วที่สุด

2.โรคไข้ดิน หรือเมลิออยด์ (Melioidosis)

หลายคนไม่คุ้นชื่อโรคนี้ แต่ในภาคอีสานและภาคเหนือพบผู้ป่วยมาก โดยเฉพาะช่วงฝนตกหนัก น้ำท่วม เพราะเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei อยู่ในดินและน้ำ

อาการหลัก

• ไข้สูงนานเกิน 3 วัน

• ไอมีเสมหะหรือไอเป็นเลือด

• ปวดข้อต่างๆ

• ปอดอักเสบเฉียบพลัน

• ฝีตามอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ม้าม

• มีผื่นนูนตามผิวหนัง

ผู้ป่วยโรคนี้บางรายอาการรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด และมีอัตราการเสียชีวิตสูงหากรักษาช้า

กลุ่มเสี่ยง

• ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

• ผู้ป่วยเบาหวาน

• คนทำงานลุยน้ำหรือย่ำน้ำเป็นประจำ

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วม
  • ดื่มน้ำต้มสุก
  • ล้างตัวทันทีหลังสัมผัสน้ำท่วม
  • ถ้ามีแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever) -  โรคตาแดง (Conjunctivitis)

โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever) - โรคตาแดง (Conjunctivitis)

3. โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)

โรคที่คนไทยรู้จักดี และยิ่งระบาดหนักช่วงหลังน้ำลด เพราะยุงลายขยายพันธุ์ในน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เช่น ถ้วย จาน กะละมัง ยางรถ หรือภาชนะที่ถูกน้ำท่วม

อาการเด่น

• ไข้สูงเฉียบพลัน

• จุดเลือดออกตามผิวหนัง

• อาเจียน เบื่ออาหาร

• ปวดกระบอกตา

• ระยะวิกฤตอาจเกิดช็อกได้

สิ่งที่มักเข้าใจผิด

หลายคนคิดว่าไข้เลือดออกมีเฉพาะในเด็ก แต่จริงๆ แล้วผู้ใหญ่ป่วยมากขึ้นทุกปีและมีอาการรุนแรงกว่าด้วย

การป้องกัน

• ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

• ใส่มุ้งนอน

• ใช้สเปรย์กันยุง

• แยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่นเพื่อตัดวงจรยุงกัด

4. โรคตาแดง (Conjunctivitis)

เมื่อมีน้ำท่วม น้ำเสีย น้ำล้นท่อ มักพาเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจำนวนมาก ทำให้โรคตาแดงระบาดง่าย โดยเฉพาะในชุมชน โรงเรียน โรงงานที่คนอยู่รวมกันหนาแน่น

อาการ

• เคืองตา

• น้ำตาไหล

• ขี้ตามาก

• ตาบวมแดง

• บางรายตาแสบจนลืมตาลำบาก

โรคตาแดงติดต่อได้ง่ายมาก เพียงเช็ดหน้า–เช็ดตาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกันก็สามารถติดได้

การป้องกัน

• ห้ามใช้มือขยี้ตา

• ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ

• หลีกเลี่ยงการแช่น้ำท่วม หรือน้ำสกปรก

• หากผงหรือฝุ่นเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดทันที

ไข้หวัด–ไข้หวัดใหญ่ และ โรคอุจจาระร่วง

ไข้หวัด–ไข้หวัดใหญ่ และ โรคอุจจาระร่วง

5. ไข้หวัด–ไข้หวัดใหญ่

น้ำท่วมเป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งชื้น เย็น และมีเชื้อโรคในอากาศสูง ทำให้คนป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่ในศูนย์พักพิงหรือผู้ที่ต้องทำงานกลางสายฝน

อาการทั่วไป

• ไข้สูง

• ไอ เจ็บคอ

• มีน้ำมูก อ่อนเพลีย

• ปวดเมื่อยตามตัว

แม้ไข้หวัดมักไม่รุนแรง แต่ในบางราย เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงวัย ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจพัฒนาไปเป็นปอดอักเสบได้

การป้องกัน

• ใส่หน้ากากอนามัย

• ล้างมือบ่อยๆ

• หลีกเลี่ยงการนอนซ้ำเสื้อผ้าเปียก

• ดื่มน้ำอุ่น ดูแลให้ร่างกายอบอุ่นเสมอ

6. โรคอุจจาระร่วง

โรคนี้เป็นโรคที่พบมากที่สุดช่วงน้ำท่วม เพราะน้ำประปาอาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากน้ำท่วม ดิน โคลน หรือสิ่งปฏิกูล ทำให้คนที่ดื่มน้ำไม่สะอาดหรือกินอาหารปนเปื้อนมีโอกาสป่วยสูง

อาการ

• ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน

• ท้องปวดเกร็ง

• อาจมีไข้ร่วมด้วย

• อ่อนเพลีย

• หากรุนแรงอาจมีมูกเลือดปน

การป้องกัน

• กินอาหารสุกใหม่

• ดื่มน้ำต้มสุก

• ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร

• ไม่ถ่ายอุจจาระลงน้ำท่วมเพื่อลดการแพร่เชื้อ

กรณีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ต้องระวังภาวะขาดน้ำเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้ช็อกได้

ทำไม “น้ำท่วม” ถึงทำให้โรคเหล่านี้ระบาดเร็วกว่าปกติ?

หลายคนสงสัยว่าทำไมเพียงน้ำท่วมไม่กี่วัน โรคต่างๆ ระบาดเป็นวงกว้าง คำตอบคือ…

1) น้ำท่วม = เชื้อโรคปะปนทุกอย่าง

น้ำท่วมมักปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ขยะ น้ำเสียจากท่อระบายน้ำ และเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ

2) คนต้องสัมผัสน้ำท่วมโดยเลี่ยงไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นการเดินไปทำงาน เก็บของออกจากบ้าน หรือทำความสะอาด

3) ความสะอาดยากขึ้น

น้ำสะอาดหายาก อาหารปรุงสดยาก พื้นที่แออัด

4) ยุงเพิ่มจำนวนรวดเร็ว

หลังน้ำลด 7 วัน คือช่วงยุงลายระบาดหนักที่สุด

5) ภูมิคุ้มกันของหลายคนลดลง

เพราะพักผ่อนไม่พอ เครียด หรือเจออากาศเย็นๆ สลับร้อน


สิ่งที่ “องค์กรและสถานประกอบการ” ควรทำช่วงน้ำท่วม

สำหรับโรงงาน บริษัท หรือไซต์งาน ควรวางมาตรการป้องกันเพิ่มเติม เพื่อให้พนักงานทำงานได้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงโรคระบาด ดูรายละเอียดที่นี่

1. จัดพื้นที่ปลอดภัยไม่ให้พนักงานลุยน้ำโดยไม่จำเป็น

ทำทางเดินยกพื้น วางแผงกั้น หรือจัดเส้นทางทางเลือก

2. แจกอุปกรณ์ เช่น รองเท้าบูท ถุงมือ และหน้ากากอนามัย

3. ตั้งจุดล้างมือ–ล้างเท้าพร้อมน้ำสะอาด

ควรมีสบู่หรือแอลกอฮอล์ให้ครบ

4. อบรมพนักงานเกี่ยวกับโรคที่มาพร้อมน้ำท่วม

โดยเฉพาะพนักงานภาคสนาม จป. และหัวหน้างาน

5. คัดกรองผู้ป่วยที่มีไข้หรือมีอาการผิดปกติ

เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อ

6. ตรวจสอบระบบระบายน้ำ–บำบัดน้ำเสีย

เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากพื้นที่งานเอง


เคล็ดลับที่ทุกครอบครัวควรทำทันทีเมื่อมีน้ำท่วม

• มีรองเท้าบูทติดบ้านไว้เสมอ

• จัดเตรียมน้ำดื่มสะอาดเพียงพออย่างน้อย 3–5 วัน

• แยกของกิน–ของใช้จากพื้นที่น้ำขัง

• ทำความสะอาดของใช้ด้วยน้ำร้อนหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ

• ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรมีชุดยาประจำตัวติดไว้

• เด็กและผู้สูงอายุไม่ควรลุยน้ำเด็ดขาด


สรุป

น้ำท่วมไม่ใช่แค่ทำให้บ้านเรือนเสียหาย แต่ยังนำพาโรคอันตรายหลายชนิดที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว โรคฉี่หนู เมลิออยด์ ไข้เลือดออก ตาแดง ไข้หวัดใหญ่ และอุจจาระร่วง ล้วนสามารถป้องกันได้หากมีความรู้เพียงพอและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง

เซฟตี้อินไทย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมได้ดีขึ้น ทั้งในบ้าน ครอบครัว และสถานที่ทำงาน

Comments


businessman

ติดต่อสอบถามคลิกไลน์ Safety In Thai
ติดต่อ-สอบถาม กดตรงนี้ได้เลยค่ะ
ติดต่อ-สอบถาม กดตรงนี้ได้เลยค่ะ